วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552



Business Intelligence (BI)
ในยุคที่เราให้ความสำคัญกับข้อมูลสารสนเทศผู้ที่สามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ และสามารถนำไปวางแผน หรือ โต้ตอบปัญหา เชิงธุรกิจได้ทันต่อเหตุการณ์ ย่อมได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจซึ่งผู้ที่สามารถทำได้ย่อมเป็นผู้ที่มีข้อมูลอยู่ในมือเป็นจำนวนไม่น้อยเมื่อมีการเก็บข้อมูลปริมาณมากๆปัญหาที่ตามมาก็คือการเรียกใช้งานข้อมูลซึงข้อมูลบางอย่างจะถูกเรียกใช้งานบ่อยครั้ง เช่น การออกรายงานต่างๆเป็นต้น เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเรียกใช้งานข้อมูลจึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอัจฉริยะ Business Intelligence (BI)

Business Intelligence (BI) คืออะไร ?
Business Intelligence (BI) คือ ซอฟต์แวร์ (Software) ที่นำข้อมูลที่มีอยู่เพื่อจัดทำรายงานในรูปแบบต่างๆ โดยทำหน้าที่ในการดึงข้อมูลจาก Database โดยตรงแล้วนำเสนอในรูปแบบของ Report ชนิดต่างๆที่เหมาะสมกับมุมมองในการวิเคราะห์ และตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน การวิเคาระห์ข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบหลายมิติ (Multidimensional Model) ซึ่งจะทำให้สามารถดูข้อมูลแบบเจาะลึก (Drill-down)ได้

ทำไมต้องมีงานด้าน Business Intelligence (BI) ?
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆมีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้นทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้งานเทคโนโลยีต่างๆให้เหมาะสมกับองค์กรมากขึ้นหากต้องการประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่งจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาแนวทางในการลดต้นทุนการดำเนินการและเพิ่มผลกำไรให้ได้มากที่สุด แนวทางการลดต้นทุนการดำเนินการ เช่นอาจเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า เป็นต้น ส่วนการเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้นอาจเพิ่มช่องทางการตลาดและเพิ่มคุณภาพการให้บริการลูกค้า เช่นการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เป็นต้น ในส่วนนี้สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินงานได้เช่นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานแต่ละส่วนให้มีความถูกต้องรวดเร็วและแม่นยำในการดำเนินการเช่นการทำบัญชี การสั่งซื้อสินค้า การขายสินค้า และระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้องต้องสอดคล้องกันทั้งระบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรขององค์กร จะเห็นได้ว่าในแต่ละองค์กรจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมากซึ่งในส่วนนี้ Business Intelligence เข้ามามีบทบาทในการนำข้อมูลจากระบบต่างๆที่เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อนำมาใช้ในวิเคราะห์ข้อมูลทำให้กระบวนการในการตัดสินใจทางธุรกิจมีประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น

องค์ประกอบของ Business Intelligence
เทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงาน Business intelligence คือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในลักษณะที่เอื้อต่อการนำข้อมูลไปใช้ในสนับสนุนการตัดสินใจ ซึ่งจะประกอบไปด้วยระบบข้อมูล และโปรแกรมแอพพลิเคชั่น ด้านการวิเคราะห์ มากมายหลายระบบ เช่น
ดาต้าแวร์เฮ้าส์ (Data Warehouse)คือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลทั้งจากแหล่งข้อมูลภายในและภายนอกองค์กร โดยมีรูปแบบและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลซึ่งจำเป็นต้องมีการออกแบบฐานข้อมูลให้สอดคล้องกับการนำข้อมูลที่ต้องการนำมาใช้งาน ดาต้ามาร์ท (Data Mart) คือ คลังข้อมูลขนาดเล็กมีการเก็บข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง เช่น เก็บข้อมูลส่วนของการเงิน ส่วนของสินค้าคงคลัง ส่วนของการขาย เป็นต้น ซึ่งทำให้การจัดการข้อมูลการนำเอาข้อมูลไปสร้างความสัมพันธ์และวิเคราะห์ต่อก็ง่ายขึ้น การทำเหมืองข้อมูล (Data Mining)คือการนำคลังข้อมูลหลักมาประมวลผลใหม่ มาแสดงผลเฉพาะสิ่งที่สนใจโดยกระบวนการในการดึงข้อมูลออกจากฐานข้อมูลจะมีสูตรทางธุรกิจ (Business Formula)และเงื่อนไขต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องและผลลัพธ์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่นเป็นแผนภูมิในการตัดสินใจ (Decision Trees) เป็นต้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในหลายมิติ (OLAP) คือการสืบค้นข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถเลือกผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบของตารางหรือกราฟ โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลใน มุมมองหลากหลายมิติ (Multi-Dimensional) โดยที่ผู้ใช้สามารถที่จะดูข้อมูลแบบเจาะลึก(Drill Down) ได้ตามต้องการ ระบบสืบค้นและออกรายงานต่างๆ (Search, Report)

จุดเด่นของ Business Intelligence
ใช้งานง่ายโดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านฐานข้อมูลก็สามารถใช้งานได้เพียงแค่เลือกรายการข้อมูลที่ต้องการก็สามารถได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำทำให้สามารถใช้ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง ทั้งในเชิงกว้าง และเชิงลึก สามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่หลากหลายมาทำการ วิเคราะห์ เช่น Excel, FoxPro, Dbase, Access, ORACLE, SQL. Server, Informix, Progress, DB2 เป็นต้น โดยไม่มีการเขียนโปรแกรม สามารถนำข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของตารางไปใช้งานในโปรแกรม Excel ได้ซึ่งเป็นโปรมแกรมที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้ในการคำนวณ ทำตาราง หรือสร้างกราฟได้ทันที
document.getElementById("p_p_id_56_INSTANCE_h7WL_").portletId =
Why BI Open Source
ในปัจจุบันหลายๆองค์กรมีการยอมรับว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาใช้งานมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหามาใช้งานด้วยราคาที่แพงการอัพเกรดหรือปรับเปลี่ยนรุ่นใหม่ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องดังนั้นหากเราสามารถลดค่าจ่ายในส่วนนี้ได้ก็คงดีไม่น้อยโอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้งานผลิตภัณฑ์จ่ายเฉพาะค่าอบรม, ค่าสนับสนุน เท่านั้น


BI Open Source คือ อะไร ?
BI Open Source เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยี โอเพ่นซอร์ส ซึ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างรายงานจาก Data Warehouse ที่สร้างขึ้นเพื่อความสะดวกในการดึงข้อมูลมาใช้งานในปัจจุบัน BI Open Source มีให้เลือกใช้งานหลากหลายเช่น Openl, OLAP4J, PalOOCa, OpenOLapc และ Pentaho เป็นต้น ซึ่งในการให้บริการในส่วนนี้เราได้ศึกษา, ทดสอบ และพัฒนาระบบโดยใช้ BI Pentaho เป็นหลักในการทำงานเพราะ Pentaho เป็นระบบ BI Open Source อันดับหนึ่งมาอย่างยาวนานใน strong>www.sourceforge.net ซึ่งเป็น web site ที่รวบรวมโครงการ Open Source ระดับโลกมากมาย ซึ่งในส่วนของอันดับนั้น ได้ทั้งในแง่ของการจำนวนครั้งที่ Download และ Ranking สามารถศึกษาข้อมูลโดยละเอียดได้ที่ http://www.pentaho.com/

Data Pump
ในการสร้าง Data Warehouse เพื่อใช้เป็นที่เก็บข้อมูลในการวิเคราะห์นั้นจะต้องมีการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล ในหลายๆครั้งการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลเพื่อนำมาใช้งานก็ทำได้ยากหากมีการเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลที่แตกต่างกันจึงจำเป็นต้องมีการนำข้อมูลจากหลายๆฐานข้อมูลมารวมกันซึ่งในบางครั้งรูปแบบในการจัดเก็บข้อมูลจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันหากต้องการนำข้อมูลจากฐานข้อมูลหนึ่งย้ายไปอีกฐานข้อมูลหนึ่งเราจะใช้งาน Data Pump ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับโอนย้ายข้อมูลจากฐานข้อมูล อาจเป็นการย้ายจากฐานข้อมูลประเภทหนึ่งไปเป็นฐานข้อมูลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งการทำงานของData Pumpจะเป็นลักษณะวิซาร์ด

Ref: http://www.siamhr.com/web/guest/724

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

Supply Chain Management : SCM

การจัดการลูกโซ่อุปทาน (Supply Chain Management : SCM)




เป็นแนวคิดการจัดการที่รวมกระบวนการจัดการลูกโซ่อุปทาน เป้าหมายของ SCM คือ การลดต้นทุน เพิ่มกำไร ปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ขาย และพัฒนาบริการมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งขัน โดยมีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ 3 ประการคือ


-ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ในสถานที่ที่เหมาะสม ในราคาที่ต่ำสุด


-รักษาระดับสินค้าคงคลังต่ำสุดเท่าที่ทำได้


-และยังคงเสนอการบริการให้ลูกค้าที่ดีเยี่ยม


ลดเวลาที่ใช้ การจัดการลูกโซ่อุปทานพยายามหาความเรียบง่ายและการดำเนินการที่รวดเร็ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีการดำเนินการระบบคำสั่งซื้อของลูกค้า วิธีการสั่งวัตถุดิบ และการขนส่งสำหรับกระบวนการโรงงานอุตสาหกรรม
การจัดการผู้ขาย ใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดจำนวนผู้ขายและให้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจแบบอยู่ได้ทั้งคู่ (Win/win)


การจัดการสินค้าคงคลัง วงจรการสั่งซื้อ - ส่ง- เก็บเงิน (Order-ship-bill Cycle) ที่สั้นลงด้วยกระบวนการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเพื่อรักษาระดับสินค้าคงคลังให้ต่ำที่สุด


การจัดการการกระจายสินค้า ใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของเอกสาร ( ใบขนสินค้า ใบสั่งซื้อ ใบแจ้งการขนส่งล่วงหน้า ฯลฯ)
การจัดการช่องทางการจำหน่าย ใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบกระดานข่าว และกลุ่มข่าว เพื่อเผยแพร่สารสนเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการดำเนินงานไปยังหุ้นส่วนการค้าได้อย่างรวดเร็ว


การจัดการการชำระเงิน ใช้ระบบการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมระหว่างบริษัทกับผู้ขายและตัวแทนจำหน่าย ทำให้สามารถชำระและรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้


การจัดการการเงิน ใช้ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทำให้บริษัททั่วโลกสามารถจัดการด้านเงิน ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ


การจัดการเจาะตลาด ใช้วิธีการเจาะตลาดอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงการสื่อสารและการไหลของสารสนเทศระหว่าง การขาย การบริการลูกค้า และงานการผลิต



Corporate Social Responsibility (CSR)

ซีเอสอาร์คืออะไร
ซีเอสอาร์ เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษว่า Corporate Social Responsibility (CSR) หรือ บรรษัทบริบาล หมายถึง การดำเนินกิจกรรมภายในและภายนอกองค์กร ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งในระดับใกล้และไกล ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรหรือทรัพยากรจากภายนอกองค์กร ในอันที่จะทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุขหากพิจารณาแยกเป็นรายคำศัพท์ คำว่า Corporate มุ่งหมายถึงกิจการที่ดำเนินไปเพื่อแสวงหาผลกำไร ส่วนคำว่า Social ในที่นี้ มุ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กันหรือมีวิถีร่วมกันทั้งโดยธรรมชาติหรือโดยเจตนา รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รายรอบประกอบ และคำว่า Responsibility มุ่งหมายถึงการยอมรับทั้งผลที่ไม่ดีและผลที่ดีในกิจการที่ได้ทำลงไปหรือที่อยู่ในความดูแลของกิจการนั้นๆ ตลอดจนการรับภาระหรือเป็นธุระดำเนินการป้องกันและปรับปรุงแก้ไขผลที่ไม่ดี รวมถึงการสร้างสรรค์และบำรุงรักษาผลที่ดีซึ่งส่งกระทบไปยังผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ



ลำดับชั้นของผู้มีส่วนได้เสียในระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซีเอสอาร์คำว่า กิจกรรม ในความหมายข้างต้น หมายรวมถึง การคิด การพูด และการกระทำ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ การวางแผน การตัดสินใจ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการ และการดำเนินงานขององค์กรสังคมในความหมายของความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการ จะมุ่งไปที่ผู้มีส่วนได้เสียนอกองค์กร ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ ได้แก่ สังคมใกล้ และสังคมไกล
สังคมใกล้ คือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับองค์กรโดยตรง ได้แก่ ลูกค้า คู่ค้า ครอบครัวของพนักงาน ชุมชนที่องค์กรตั้งอยู่ ซึ่งรวมถึงสิ่งแวดล้อมหรือระบบนิเวศ
สังคมไกล คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรโดยอ้อม ได้แก่ คู่แข่งขันทางธุรกิจ ประชาชนทั่วไป เป็นต้นในระดับของลูกค้า
ตัวอย่างซีเอสอาร์ของกิจการ ได้แก่ การสร้างผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณค่ามากกว่ามูลค่า ความรับผิดชอบในผลิตภัณฑ์ต่อผู้บริโภค การให้ข้อมูลขององค์กรและตัวผลิตภัณฑ์อย่างเพียงพอและอย่างถูกต้องเที่ยงตรง มีการให้บริการลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา เป็นต้นในระดับของคู่ค้า การแบ่งปันหรือการใช้ทรัพยากรร่วมกันหรือการรวมกลุ่มในแนวดิ่งตามสายอุปทาน ความรอบคอบระมัดระวังในการผสานประโยชน์อย่างเป็นธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบต่อคู่ค้า เป็นต้นในระดับของชุมชนและสภาพแวดล้อม ตัวอย่างซีเอสอาร์ของกิจการ ได้แก่ การสงเคราะห์เกื้อกูลชุมชนที่องค์กรตั้งอยู่ การส่งเสริมแรงงานท้องถิ่นให้มีโอกาสในตำแหน่งงานต่างๆ ในองค์กร การสนับสนุนแนวทางการระแวดระวังในการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนที่องค์กรตั้งอยู่ และการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข เป็นต้นในระดับของประชาสังคม
การสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มหรือเครือข่ายอื่นๆ ในการพัฒนาสังคม การตรวจตราดูแลมิให้กิจการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน การรับฟังข้อมูลหรือทำประชาพิจารณ์ต่อการดำเนินกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม และการทำหน้าที่ในการเสียภาษีอากรให้รัฐอย่างตรงไปตรงมา เป็นต้นในระดับของคู่แข่งขันทางธุรกิจ
การดูแลกิจการมิให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันด้วยวิธีการทุ่มตลาด การดำเนินงานในทางต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการกรรโชก และการให้สินบนในทุกรูปแบบ เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทดสอบ

ทดสอบเขียนครั้งแรก พี่หมูเมาแล้ว มาเรียนสาย แกล้งป่วย ตาปรือมาเรียนตลอดเวลา